วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

พลังแห่งชีวิตจากธรรมชาติ

     สุขภาพดีคือสิ่งปราถนาของทุกคน สุขภาพร่างกายก็คือการทำงานของระบบร่างกายนั้นเอง ถ้าระบบร่างกายทำงานผิดปกตินั้นย่อมหมายถึงสุขภาพร่างกายก็จะแย่ตามไปด้วย แต่ถ้าระบบร่างกายเราทำงานเป็นปกติดีทุกอย่างสุขภาพร่างกายก็จะดีตามไปด้วยเหมือนกัน
     บทความนี้เขียนขึ้นมาเพื่อที่จะช่วยแก้ไขดูแลสุขภาพ ด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด ทุกวันนี้เราห่างไกลจากธรรมชาติ ถึงเวลาที่ต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติกันแล้ว วิถีการดำเนินชีวิตในปัจจุบันนี้ซึ่งตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นมลภาวะและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เราได้รับสารพิษสารเคมีเข้าสู่ร่างกายด้วยกันสองทางใหญ่ๆคือ การหายใจ และอาหารที่เราบริโภคเข้าไป อันเป็นผลพวงมาจากการใช้เทคโนโลยี่ที่เกินขอบเขตความสมดุลของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นควันจากโรงงานหรือท่อไอเสียรถยนต์ที่เราหายใจเข้าไปทุกวัน หรือแม้กระทั่งอาหารที่เราบริโภคล้วนแล้วแต่เจือปนด้วยสารพิษสารเคมีทั้งนั้น การปลูกพืชผักก็ฉีดยาฆ่าแมลง เนื้อสัตว์ก็ใช้สารเร่ง สารพิษสารเคมีต่างๆ เหล่านี้ที่ปะปนมาในอากาศและอาหารประกอบกับพฤติกรรมในการบริโภคที่เบี่ยงเบนไปจากธรรมชาติ สะสมในร่างกายเรานานวันมันจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดทุกส่วนของร่างกาย จึงทำให้ร่างกายขาดความสมดุลจนระบบร่างกายทำงานผิดปกติทำให้สุขภาพย่ำแย่อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคร้ายต่างๆและเสียชีวิตก่อนอายุขัยในปัจจุบันนี้


     นับตั้งแต่อดีด นักธรรมชาติบำบัดมีวิธีการดูแลรักษาสุขภาพด้วยการใช้อาหารเป็นยาโดยเฉเพาะพืชผักสีเขียว หลังจากได้ศึกษาและวิจัยจึงได้ผลลับคือความสำคัญของสารคลอโรฟิลล์ในพืชสีเขียว ที่มีสูตรโครงสร้างคล้ายคลึงกับฮีมในฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดงในร่างกายของมนุษย์
     วิถีของการมีสุขภาพที่ดี จะต้องเข้าใจพื้นฐานของพฤติกรรมในการบริโภคอาหารและมนุษย์ต้องการสารคลอโรฟิลล์จากพืชสีเขียวมาใข้ประโยชน์อย่างไร? และที่สำคัญคลอโรฟิลล์ชนิดใด...ที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ผลขัดเจนที่ทางการแพทย์ยอมรับ
     บทความนี้จะชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของชนิดอาหาร การหายใจ และส่วนของคลอโรฟิลล์ที่จำเป็นต้องเข้ามามีส่วนช่วยส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถทำได้ง่ายและเห็นผลชัดเจน เนื่องจากมนุษย์ยังขาดข่าวสารความรู้เกี่ยวกับเรื่องของคลอโรฟิลล์

  ชนิดของคลอโรฟิลล์ที่ทางการแพทย์ยอมรับ
     คลอโรฟิลล์ที่ทางการแพทย์ให้การยอมรับคือคลอโรฟิลล์ที่บริสุทธิ์ต้องมีสารคลอโรฟิลล์อย่างน้อย 95% นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองจนในที่สุดพบว่า มันคือคลอโรฟิลล์ชนิดที่ละลายในน้ำได้ ซึ่งคลอโรฟิลล์โดยตัวของมันเอง...ไม่ละลายน้ำ 
     ด้วยกระบวบการเทคนิคพิเศษอย่างน้อย 15 ขั้นตอนนี้ สามารถทำให้คลอโรฟิลล์ละลายน้ำได้ ทางการแพทย์ได้ทำการวิจัยคลอโรฟิลล์ชนิดที่ละลายในน้ำกันอย่างกว้างขวางและมากมายเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ โดยเฉเพาะกลุ่มนักวิจัยส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัยเทมเปิล ประเทศสหรัฐอเมริกา นำทีมโดยนายแพทย์ลอเรนซ์ สมิท ซึ่งเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์สาขาพยาธิวิทยา
     ปัจจุบันในท้องตลาดมีการจำหน่ายคลอโรฟิลล์มากมายหลายชนิดหลายยี่ห้อหลายราคา ตามคุณภาพของคลอโรฟิลล์ต่างก็อวดอ้างสรรพคุณ ส่วนมากเป็นคลอโรฟิลล์ผสมจะมีสารคลอโรฟิลล์อยู่ไม่ถึง 1%นอกนั้นเป็นส่วนผสม เช่น สารกันบูด น้ำมันถั่วเหลือง ผสมเพื่อที่จะขายได้ในราคาถูกๆ บริโภคเข้าไปก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยต่อสุขภาพ ในทางการแพทย์ยังพบว่า หากใช้มากเกินไปจะเกิดผลข้างเคียงอื่นๆ จึงต้องระมัดระว้งในการใช้โดยเฉเพาะในเด็กและสตรีมีครรภ์ หากต้องการที่จะบริโภคคลอโรฟิลล์เพื่อบำรุงรักษาสุขภาพ บำบัดโรค ให้ใช้ได้แต่เฉเพาะคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ที่มีสารคลอโรฟิลล์อย่างน้อย95%ขึ้นไปถึงจะได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย วิธีสังเกตุให้ดูที่สลากข้างขวดหรือกล่องถ้าถูกต้องตามกฎหมายทุกบริษัทจะต้องระบุว่ามีสารคลอโรฟิลล์อยู่กี่เปอร์เซนต์ แต่เท่าที่เห็นมีเพียงบริษัทเดียวในประเทศไทยที่เป็นตัวแทนจำหน่ายนำคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์100%จากประเทศสหรัฐอเมริกาเข้ามาจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภค
  การบริโภคพืชผักสด
     คลอโรฟิลล์โดยตัวของมันเองแล้วจะมีเยื่อหุ้มเซลล์ปิดกั้นอยู่ ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสกัดคลอโรฟิลล์ ออกจากเยื่อหุ้มเซลล์ของคลอโรฟิลล์ได้ เนื่องจาก มนุษย์ไม่มีเอนไซม์ ที่ชื่อว่าเซลล์ลูเลส ดังที่มีในสัตว์หลายชนิด ที่เวลาเจ็บป่วยมักจะกินผักสดเพื่อรักษาตัวเอง เพราะสกัดคลอโรฟิลล์ได้เอง ดังนั้นผลิตภัณฑ์ ที่อ้างว่ามีส่วนผสมของคลอโรฟิลล์ไม่ว่าปริมาณเท่าใดก็ตาม หากไม่ผ่านกรรมวิธีการสกัดเอาเยื่อหุ้มเซลล์ออก ก็ไม่สามารถจะได้ประโยชน์อะไรจากคลอโรฟิลล์นั้นเลย การบริโภคพืชผักโดยตรงก็เช่นเดียวกัน เพราะคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในพืชผ้กต่างก็มีผนังเยื่อหุ้มเซลล์อยู่เหมือนกันแทบจะไม่ได้ประโยนช์อะไรเลยจากคลอโรฟิลล์ในการบริโภคพืชผักเหล่านั้น
     โดยปกติแล้วไม่ว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดใดก็ตาม เป็นที่ทราบกันในวงการแพทย์และเภสัชกรรมว่าสารที่อยู่ในรูปของการละลายในน้ำมันนั้นจะเกิดการตกตะกอนหรือจับนำเอาตะกอนไปสะสมอยู่ที่ตับ ซึ่งเท่ากับเป็นการสะสมสารพิษและทำลายตับโดยไม่รู้ตัว
     ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภค จะมีกระบวนการผลิตที่ดีเพื่อให้สามารถอยู่ในรูปของการละลายน้ำได้ ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทั้งหมดไม่เหลือตะกอนใดๆให้ไปทำลายตับ


 

สนใจข้อข่าวสารข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาคลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่าง
คลิ๊กที่นี่http://chlorophylluklit08.blogspot.com/
โทร 0879753818